
ในอดีต อุ้มผางเดิมทีเป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ต่อมาก็มี คนไทยจากภาคเหนือคือ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ ได้ อพยพหาที่ทำกินใหม่มาบุกเบิกป่าอุ้มผางเป็นที่อยู่อาศัย และเมื่อ ปี พ.ศ. 2432 ได้ถูกกำหนดให้เป็นเมืองหน้าด่านชายแดนตะวัน ตก ขึ้นตรงกับ จ.อุทัยธานีและเป็นจุดตรวจตราชาวพม่าที่เดิน ทางเข้ามาค้าขาย ในประเทศไทยโดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ เอกสารเดินทาง เนื่องจากภูมิประเทศเป็นป่าเขารกทึบ การเดิน ทางค่อนข้าง ลำบากและเอกสารฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้นการเก็บ เอกสารจึงม้วนเก็บในกระบอกไม้ไผ่และมีฝาจุกปิดมิดชิด เมื่อเดิน ทางมาถึงด่านตรวจก็จะเปิดกระบอกไม้ไผ่เพื่อแสดงเอกสาร ชาว กะเหรี่ยงจะเรียกเอกสารนี้ว่า "อุ้มผ๊ะ" ซึ่งต่อมาได้ออกเสียง เพี้ยนมาเป็น "อุ้มผาง" จึงได้กลายมาเป็นชื่ออำเภอในปัจจุบันนี้
พ.ศ. 2469 ทางการได้ยุบอำเภอแม่กลองเป็นกิ่งอ.แม่ กลองและโอนการปกครองจาก จ.อุทัยธานีให้ไปขึ้น กับ จ.กำแพงเพชร และในปี พ.ศ. 2499 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไป อยู่บ้านอุ้มผาง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น กิ่ง อ.อุ้มผางใน วันที่ 22 เมษายน 2502 ทางการได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะจากกิ่ง อำเภอ เป็น อ.อุ้มผางและให้ขึ้นกับ จ.ตาก
พ.ศ. 2514 พรรคคอมมินิสต์แห่งประเทศไทยได้เริ่มการ เคลื่อนไหวทางการเมือง ได้มีการสู้รบกันบ้างระหว่าง เจ้าหน้าที่ ของรัฐคือตำรวจตระเวนชายแดน น.ป.พ. และ อ.ส. ด้วยการ ใช้นโยบาย 66/2523 จึงนำความสงบสุขมาสู่ชาว อุ้มผางและ มวลชนที่เข้ามามอบตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยประมาณสองพัน กว่าคนในช่วง พ.ศ. 2527
จากการที่อุ้มผางเป็นเมืองปิดมาช้านาน ทางการได้ทำการตัดถนนจาก อ.แม่สอด สู่ อ.อุ้มผาง ลัดเลาะตาม ไหล่เขาและสันเขา 165 กม. ซึ่งเป็นที่มาของ ถนนสายลอยฟ้า ระยะทางก่อสร้างกว่า 10 ปี เสร็จสิ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 เรื่องราวในอดีตก็ปิดตัวเองลง ประตูแห่งเมือท่องเที่ยวก็ได้เปิดออกเมื่อ นายแพทย์บรรลือ กองไชย ได้เข้ามารับหน้าที่ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง ท่านได้ชักชวนให้นิตยสารการท่องเที่ยวเข้ามาและการค้นพบของน้ำตกอันยิ่งใหญ่ กลางผืนป่าและธรรมชาติอันสวยงามของต้นน้ำแม่กลอง ในปัจจุบันคนอุ้มผางไม่น้อยที่หันมาทำธุรกิจท่องเที่ยว เริ่มจากการใช้แพไม้ไผ่ล่องแก่งและพัฒนามาเป็นเรือยาง โดยได้รับคำแนะนำในการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ในรูปแบบการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ ECO TOURISM คนอุ้มผางแท้ๆในปัจจุบันจึงเป็นคนรุ่นที่ 3 และ 4 ตามลำดับ
ส่วนที่มาของชื่อได้รับการอภิปรายเพิ่มเติมจาก ประชา แม่จัน ในหนังสือ "อุ้มผาง เบื้องหลังธรรมชาติ" ว่าที่มาของชื่อ "อุ้มผาง" ของราชการกล่าวว่ามาจากคำว่า "อุ้มผะ" ที่เป็นคำเรียกกระบอกไม้ไผ่สำหรับเก็บเอกสารเดินทางในภาษาปกากะญอ แล้วกร่อนมาเป็นคำว่า "อุ้มผาง" ในขณะที่ ชาวปกากะญอหลายคน บอกว่ามาจากคำว่า "อูกึผะ" แปลว่า ไฟจะไหม้ไปทั่ว โดยได้อธิบายความหมายว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็ต้องเกิดและขยายไปทั่วไป
ชาวปกากะญอและโพล่วบอกว่าพวกเขาได้อาศัยอยู่ที่นี่มาช้านาน มีตำนานเล่าว่าบ้านไล่ตังคุที่เป็นศูนย์กลางของผู้นับถือ "เพอเจะ" หรือฤๅษีในภาษาไทย ตั้งขึ้นในวันเดียวกับวันตั้งเมืองกรุงเทพฯ ดังนั้นพวกเขาต้องอาศัยมานานกว่า 200 ปี ตำนานที่น่าสนใจ ของพื้นที่คือ เคยเป็นเส้นทางถอยของกษัตริย์มอญลงมาทางใต้โดยการเดินผ่านบ้านเปิ่งเคลิ่ง มาตามห้วยเกริงเปอตีจนบรรจบแม่น้ำแม่จัน แล้วตามแม่น้ำไปถึงสบแม่น้ำแม่จัน (ปัจจุบันคือบ้านแม่จันทะ) จึงเดินตัดข้ามเขาก่องก๊องข้ามไปยังสังขละบุรี ในช่วงนี้พระอุปราชมอญได้สิ้นพระชนม์บนยอดเขานี้ บนเขามีต้นชงโคขนาดใหญ่หลายต้นและเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นบริเวณสบแม่จันกับ แม่กลอง
ลุงเนเต๊อะ ชาวโพล่ว บ้านกรูโบ หมู่ 8 ตำบลแม่จัน อธิบายคำว่า "แม่จัน" มาจากภาษามอญ "แม๋จัน" เมะ แปลว่า วังน้ำ จัน แปลว่า แปด และ "แม่กลอง" มาจากภาษามอญเช่นกัน "แม๋กอง" กอง แปลว่า ร้อย ดังนั้นคำว่า "กองจัน" แปลว่า ร้อยแปด และ "รูตกองจัน" หมายถึงพระพุทธรูป 108 องค์ ในตำบลแม่จันมีชื่อภาษามอญอยู่หลายแห่ง เช่น เปิ่งเคลิ่งมาจากเปิงเกลิง กรูโบมาจากกลึงโบ (เป็นชื่อหวายชนิดหนึ่ง) ร่องรอยเหล่านี้ทำให้ประวัติศาสตร์ของพื้นที่มีความน่าสนใจมากขึ้น
ในอดีตก่อนที่ถนนสายแม่สอด-อุ้มผางสร้างเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2530 ชาวปกากะญอและพื้นที่แถบนี้อาจจะนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพม่า ถ้าหากพิจารณาถึงความสัมพันธ์กับศูนย์อำนาจ ชาวปกากะญอติดต่อค้าขายกับชาวปกากะญอในพม่า พวกเขาไปซื้อเกลือ ข้าวของเครื่องใช้ และนำวัวควายไปขายที่ "เจด่ง" ในเขตพม่าด้วยเส้นทางผ่านบ้านเปิ่งเคลิ่ง พวกเขารู้จักหมู่บ้านในเขตพม่ามากกว่าหมู่บ้านเขตไทยของพื้นที่อื่น เช่น พบพระ หรือแม่สอด
ตามความสัมพันธ์นี้ทำให้ที่มาของชื่ออุ้มผางตามคำอธิบายของทางการไทยน่าจะมีข้อจำกัด เนื่องจากพวกเขาแถบนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงเขตไทย การจัดหาสิ่งของเครื่องใช้มาจากแหล่งในพม่าที่เดินไปง่าย
แหล่งที่มาของข้อมูล : http://xn--72c5ble2dba1bf1dyerfxb.blogspot.com/2010/05/blog-post_06.html
ประวัติความเป็นมาของอำเภออุ้มผาง



